ภาวะเลือดจางแม้จะเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับอาหารการกิน สำหรับใครที่ต้องการทราบว่าผู้ที่เป็นเลือดจางนั้นควรกินและห้ามกินอะไรบ้าง เพื่อให้ช่วยบำรุงเลือดให้ได้ผล ทางเอินเวย์ก็ได้นำข้อมูลมาให้ชมในบทความนี้แล้วค่ะ
หลักโภชนบำบัดในผู้ป่วยภาวะเลือดจาง
แนวทางการกินที่แนะนำสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ ซึ่งก็จะสามารถสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
- ภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุของภาวะเลือดจางที่พบได้บ่อยที่สุด มักพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคในทางเดินอาหารบางชนิด โดยเป้าหมายของโภชนบำบัดก็จะมุ่งเน้นไปที่การดูแลให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ
- ภาวะเลือดจางจากการขาดโฟเลต เป็นภาวะเลือดจางที่มักพบในผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ ผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่เป็นโรคในทางเดินอาหารที่ทำให้ดูดซึมโฟเลตได้แย่ลง โดยเป้าหมายของโภชนบำบัดก็จะมุ่งเน้นไปที่การดูแลให้ได้รับโฟเลตอย่างเพียงพอ
- ภาวะเลือดจางจากการขาดวิตามินบี 12 เป็นภาวะเลือดจางที่มักพบในผู้ที่กินเนื้อสัตว์น้อย ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีการใช้ยาหรือมีโรคที่ทำให้ดูดซึมวิตามินบี 12 ได้แย่ลง โดยเป้าหมายของโภชนบำบัดก็จะมุ่งเน้นไปที่การดูแลให้ได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ
- ภาวะเลือดจางที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงแตกง่าย เช่น ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียหรือโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (ทั้งสองโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม) ผู้ที่มีภาวะเลือดจางจากสาเหตุนี้มักจะมีธาตุเหล็กในเลือดสูงกว่าปกติ แนวทางการกินที่แนะนำจึงต่างจากภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดสารอาหาร ซึ่งก็ควรอยู่ภายใต้คำปรึกษาและการกำกับดูแลโดยแพทย์ที่เกี่ยวข้อง (เนื้อหาในบทความนี้จะไม่ได้ครอบคลุมภาวะเลือดจางที่เกิดจากสาเหตุนี้)
เป็นเลือดจางควรกินอะไร
สำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดสารอาหาร อาหารบำรุงเลือดที่แนะนำก็จะมีดังนี้
- อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่ไก่ คะน้า ตำลึง บล็อกโคลี่ ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมธาตุเหล็ก ฯลฯ โดยจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก (เมื่อเทียบกันแล้ว ธาตุเหล็กจากสัตว์จะถูกดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กจากพืช)
- อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอสุก สตรอว์เบอร์รี่ บล็อกโคลี่ ฯลฯ เพราะจะมีส่วนช่วยเสริมการดูดซึมธาตุเหล็กที่มาจากพืชได้ โดยจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็กเช่นกัน และจะแนะนำให้กินพร้อมมื้ออาหาร
- อาหารที่มีโฟเลตสูง เช่น ผักใบเขียว ส้ม สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง กล้วย เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ถั่ว ข้าวกล้อง ธัญพืช ฯลฯ โดยจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดโฟเลต
- อาหารที่มีวิตามินบี 12 สูง เช่น ไข่ไก่ นมวัว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมวิตามินบี 12 ฯลฯ (วิตามินบี 12 จะพบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่มาจากสัตว์เท่านั้น) โดยจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12
เป็นเลือดจางห้ามกินอะไร
ในทางกลับกัน ผู้ป่วยภาวะเลือดจางที่เกิดจากการขาดสารอาหารก็ควรจำกัดหรือปรับเปลี่ยนการกินสำหรับอาหารบางประเภท ซึ่งก็ได้แก่
- อาหารที่มีไฟเตตสูง เช่น งาดำ ถั่วดำ ถั่วแดง วอลนัท ข้าวโอ๊ต โฮลวีท ฯลฯ เพราะจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้แย่ลง ทางที่ดีจะแนะนำให้กินห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ได้รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์น้อย
- อาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ผักโขม มันฝรั่ง ฯลฯ เพราะจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้แย่ลง ทางที่ดีจะแนะนำให้กินห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ได้รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์น้อย
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมวัว งาดำ ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมแคลเซียม ฯลฯ เพราะจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กที่มาจากพืชได้แย่ลง ทางที่ดีจะแนะนำให้กินห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ได้รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์น้อย
- ชาและกาแฟ เพราะจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กที่มาจากพืชได้แย่ลง หากดื่มจะแนะนำให้ดื่มห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ได้รับธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์น้อย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ เพราะแอลกอฮอล์จะมีผลรบกวนการดูดซึมโฟเลตและวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้แล้ว ไวน์ก็ยังอาจมีสารบางชนิดที่ทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้แย่ลงด้วยเช่นกัน
สรุปเทคนิคการกินเพื่อบำรุงเลือด
- ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กควรเน้นกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์เพิ่มขึ้น เพราะเป็นแหล่งของธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ดี
- ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กควรเน้นกินอาหารที่มีวิตามินซีพร้อมมื้ออาหารเพิ่มขึ้น เพราะจะช่วยให้ดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้ดีขึ้น
- ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไฟเตต ออกซาเลต และแคลเซียมสูง รวมถึงเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟพร้อมมื้ออาหาร (แนะนำให้กินห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง) โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กินเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์น้อย เพราะจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้แย่ลง
- ผู้ที่ขาดโฟเลตควรเน้นกินอาหารที่เป็นแหล่งของโฟเลตเพิ่มขึ้น ซึ่งได้แก่ ผักใบเขียว ส้ม สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง กล้วย เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ถั่ว ข้าวกล้อง ธัญพืช ฯลฯ
- ผู้ที่ขาดวิตามินบี 12 ควรเน้นกินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินบี 12 เพิ่มขึ้น ซึ่งได้แก่ ไข่ไก่ นมวัว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมวิตามินบี 12 ฯลฯ
- ผู้ที่มีภาวะเลือดจางควรงดหรือจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะมีผลขัดขวางการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
จบแล้วกับข้อมูลอาหารที่ผู้ป่วยภาวะเลือดจางควรกินและห้ามกิน ทางเอินเวย์หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะคะ
เอินเวย์ ศูนย์รวมยาสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศจีน ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกธรรมชาติในการดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์จีน เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดี