ผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ทั่วไป และเด็ก จะมีค่าความดันปกติอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วเกณฑ์ของผู้หญิงกับผู้ชายนั้นต่างกันหรือไม่ เพื่อไขข้อสงสัยเหล่านี้ ทางเอินเวย์ก็ได้นำข้อมูลในรูปแบบตารางมาให้ชมในบทความนี้แล้วค่ะ
วิธีอ่านค่าความดัน
การวัดความดันเราจะได้ตัวเลขออกมาหลักๆ 2-3 ค่า ซึ่งแต่ละค่านั้นก็จะมีความหมายดังนี้
- ค่าความดันตัวบน (ตัวเลข 128 ในรูปตัวอย่าง) คือค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวเต็มที่ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตรปรอท (mmHg) มีชื่อเรียกอื่นว่า
- ความดันค่าสูง
- ค่าความดันตัวหน้า
- Systolic Blood Pressure (เขียนย่อว่า SBP หรือ SYS)
- ค่าความดันตัวล่าง (ตัวเลข 94 ในรูปตัวอย่าง) คือค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัวเต็มที่ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตรปรอท (mmHg) มีชื่อเรียกอื่นว่า
- ความดันค่าต่ำ
- ค่าความดันตัวหลัง
- Diastolic Blood Pressure (เขียนย่อว่า DBP หรือ DIA)
- ค่าชีพจร (ตัวเลข 67 ในรูปตัวอย่าง) คือค่าที่ใช้บอกจำนวนครั้งการเต้นของหัวใจใน 1 นาที ค่าปกติจะอยู่ในช่วง 60-100 ครั้ง/นาที โดยค่านี้จะไม่ใช่ค่าความดัน แต่จะเป็นข้อมูลเสริมที่ใช้ดูว่าหัวใจของเราเต้นเร็วปกติหรือไม่ ซึ่งก็จะมีแค่ในเครื่องวัดบางรุ่นเท่านั้น
สำหรับการจดบันทึกค่าความดันนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเขียนในรูป ค่าความดันตัวบน/ค่าความดันตัวล่าง ซึ่งก็คือ 128/94 เมื่ออิงจากรูปตัวอย่างนั่นเอง
ตารางค่าความดันปกติ แต่ละช่วงอายุ
อ้างอิงจากแนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงฉบับปี พ.ศ. 2562 ที่จัดทำโดยสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย ค่าความดันปกติสำหรับผู้ใหญ่ทุกช่วงอายุทั้งในผู้หญิงและผู้ชายจะใช้เกณฑ์เดียวกัน ซึ่งก็คือน้อยกว่า 140/90 mmHg
ส่วนค่าความดันปกติสำหรับเด็กนั้น เนื่องจากเด็กจะมีความดันน้อยกว่าผู้ใหญ่ หลายๆ ประเทศจึงกำหนดเกณฑ์ปกติให้ไม่เกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน ซึ่งของไทยก็จะมีข้อมูลจากรายงานสำรวจสุขภาพที่อาจพอใช้เทียบได้
ช่วงอายุ | ค่าความดันปกติ (mmHg) |
---|---|
0-17 ปี | ไม่เกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 |
18-49 ปี | น้อยกว่า 140/90 |
50-59 ปี | น้อยกว่า 140/90 |
60-69 ปี | น้อยกว่า 140/90 |
70-79 ปี | น้อยกว่า 140/90 |
≥ 80 ปี | น้อยกว่า 140/90 |
*ค่าความดันถ้าสูงเกินเกณฑ์แค่ตัวหน้าหรือตัวหลัง เช่น 142/85 mmHg ก็จะถือว่าเข้าข่ายเป็นโรคความดันโลหิตสูงเช่นกัน ซึ่งก็ควรได้รับการตรวจและวินิจฉัยจากแพทย์
**ค่าความดันในผู้ใหญ่ดีที่สุดคือน้อยกว่า 120/80 mmHg ถ้าความดันอยู่ในช่วง 120-139/80-89 mmHg จะถือว่าเริ่มสูงเกินค่าอุดมคติ ซึ่งก็ควรได้รับการใส่ใจดูแลแต่เนิ่นๆ เพื่อลดโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ทั้งนี้ เนื่องจากผลวัดความดันอาจคลาดเคลื่อนได้จากปัจจัยต่างๆ การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงนั้น แพทย์จึงจะพิจารณาจากผลวัดความดันในสถานพยาบาลเป็นหลัก ซึ่งก็อาจมีการวัดซ้ำ หรือใช้ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย เพื่อให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น
(เกณฑ์ค่าความดันปกติอาจต่างกันไปบ้างสำหรับแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับที่คณะทำงานด้านสุขภาพของประเทศนั้นๆ กำหนด ยกตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษได้กำหนดให้เกณฑ์ความดันปกติสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปคือน้อยกว่า 140/90 mmHg และสำหรับผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป คือน้อยกว่า 150/90 mmHg ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะกำหนดเกณฑ์ไว้ที่น้อยกว่า 130/80 mmHg สำหรับผู้ใหญ่ทุกช่วงอายุ)
ความดันสูงอันตรายไหม
แม้โรคความดันโลหิตสูงในคนส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้ควบคุม ก็อาจนำไปสู่โรคและอาการผิดปกติต่างๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น
- หัวใจวาย ภาวะความดันสูงอาจทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอุดตัน
- เส้นเลือดในสมองแตก ภาวะความดันสูงอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือส่งผลให้เสียชีวิตได้
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะความดันสูงอาจทำให้หัวใจต้องทำงานหนักต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งก็จะส่งผลให้หัวใจทำงานล้มเหลวในที่สุด
- โรคไต ภาวะความดันสูงอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณไตเสียหาย
- สูญเสียการมองเห็น ภาวะความดันสูงอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาเสียหาย
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ภาวะความดันสูงอาจทำให้เกิดปัญหาการแข็งตัวในผู้ชายหรือปัญหาอารมณ์ทางเพศลดลงในผู้หญิง
- หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ ภาวะความดันสูงอาจทำให้หลอดเลือดบริเวณแขน ขา ศีรษะ หรือบริเวณอื่นตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวด เหน็บชา หรืออ่อนแรง
ความดันสูงต้องดูแลจัดการอย่างไร
การดูแลรักษาโรคความดันโลหิตสูง หลักๆ แล้วจะมีอยู่ 2 วิธี ซึ่งก็คือ
- ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เพื่อคุมปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อความดัน เช่น ปรับการกิน ออกกำลังกาย เลิกบุหรี่ จัดการความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ ฯลฯ
- ใช้ยาลดความดัน ถ้าความดันสูงมาก หรือมีปัจจัยเสี่ยงในด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย แพทย์ก็มักจะใช้ยาลดความดันร่วมกับการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เพื่อให้การรักษานั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การดูแลความดันในทัศนะการแพทย์จีน
การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมและปรับสมดุลร่างกาย ผ่านตำรับยาที่สกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติหลายชนิด เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความดันสูงที่ต้นเหตุ ซึ่งก็จะมีหลักการทำงานดังนี้
- ทำความสะอาดหลอดเลือด สลายลิ่มเลือดและไขมัน ทำให้หลอดเลือดโล่งสะอาด จึงช่วยป้องกันและบำบัดโรคที่พบบ่อยในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ
- บำรุงไต ให้หยิน-หยางในไตเกิดความสมดุล ไตจึงสามารถส่งหยินไปหล่อเลี้ยงตับได้อย่างเพียงพอ ช่วยป้องกันไม่ให้ตับร้อนรุ่มจนเกินไป ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของความดันสูง เมื่อตับอยู่ในสภาวะสมดุลก็จะมีการสร้างคอเลสเตอรอลในปริมาณที่เหมาะสม และในขณะเดียวกันเมื่อไตแข็งแรงขึ้น พลังชี่ที่เป็นแรงผลักดันของเลือดก็จะสมบูรณ์ขึ้น ระบบการไหลเวียนของเลือดจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านที่สนใจดูแลความดันและสุขภาพหลอดเลือดตามทัศนะการแพทย์จีน ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์แผนจีนและผู้เชี่ยวชาญได้ที่ไอดีไลน์ @enwei
จบแล้วกับตารางค่าความดันปกติของแต่ละช่วงอายุ ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย พร้อมด้วยข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทางเอินเวย์หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะคะ
เอินเวย์ ศูนย์รวมยาสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศจีน ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกธรรมชาติในการดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์จีน เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดี