โรคความดันโลหิตสูงถูกขนานนามว่าเป็นมัจจุราชเงียบ เนื่องจากคนที่เป็นส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคร้ายแรง และอาจนำไปสู่ความพิการหรือเสียชีวิตได้
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเมื่อปี 2022 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 13 ล้านคน ซึ่งกว่า 7 ล้านคนไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคนี้
จากข้อมูลนี้ ทางที่ดี ทุกคนจึงควรตระหนักและเรียนรู้ข้อมูลของโรคความดันโลหิตสูงไว้ เพื่อที่จะได้สามารถระวังตัวและรับมือกับมันได้อย่างเหมาะสม โดยทางเอินเวย์ ในฐานะของผู้นำด้านนวัตกรรมสมุนไพรจีนสร้างเสริมสุขภาพ ก็ขออาสานำข้อมูลโรคความดันโลหิตสูงมาให้ดูกันแบบง่ายๆ ในบทความนี้เองค่ะ
โรคความดันโลหิตสูงคืออะไร
โรคความดันโลหิตสูง คือสภาวะที่กระแสเลือดมีแรงกระทำต่อผนังหลอดเลือดสูงผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อร่างกาย เพราะแปลว่าหัวใจต้องทำงานหนักในการปั๊มเลือด และหลอดเลือดก็จะเกิดความเสียหายในระยะยาว
ตามหลักแล้ว ความดันโลหิตยิ่งสูงและยิ่งปล่อยไว้นาน ความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงต่างๆ ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต (เนื่องจากเส้นเลือดในไตเสียหาย) ฯลฯ
การตรวจวัดความดันโลหิต
การตรวจวัดความดันโลหิตจะต้องใช้เครื่องวัดความดัน ซึ่งจะมีอยู่ทั่วไปในสถานพยาบาล หรือบางคนที่ต้องการตรวจวัดความดันได้ด้วยตนเอง ก็อาจเลือกที่จะซื้อเครื่องวัดมาไว้ติดบ้านก็ได้เช่นกัน
เนื่องจากความดันของเรานั้นอาจสูงขึ้นชั่วคราวได้จากหลายปัจจัย การตรวจวัดความดันให้ได้ผลที่ถูกต้องแม่นยำ ผู้ตรวจจึงควรปฏิบัติตัวดังนี้
- งดอาหารและเครื่องดื่ม 30 นาทีก่อนตรวจ
- ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนตรวจ
- นั่งในท่าสบาย หลังพิงพนักเก้าอี้ 5 นาทีก่อนตรวจ รวมถึงขณะตรวจ
- จัดท่านั่งให้เท้า 2 ข้างอยู่บนพื้น งดนั่งไขว่ห้างขณะตรวจ
- วางแขนข้างที่ตรวจไว้บนโต๊ะในระดับหน้าอก ไม่กำมือ ไม่เกร็งมือหรือเกร็งแขน
- ที่รัดแขนต้องไม่รัดจนเกินไป และต้องสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง ไม่สวมทับแขนเสื้อ
- งดพูดคุยขณะตรวจ
- ถ้าเป็นการตรวจเองที่บ้าน ให้ตรวจครั้งละอย่างน้อย 2 รอบ โดยเว้นช่วง 1-2 นาที
เกณฑ์ความดันโลหิตสูงคือเท่าไหร่
การวัดความดันโลหิตจะได้ตัวเลขออกมา 2 ค่า ซึ่งได้แก่
- ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวเต็มที่ (Systolic Blood Pressure, SBP) หรืออาจเรียกว่าค่าสูง ค่าตัวบน หรือค่าตัวหน้า มีหน่วยเป็นมิลลิเมตรปรอท (mmHg)
- ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัวเต็มที่ (Diastolic Blood Pressure, DBP) หรืออาจเรียกว่าค่าต่ำ ค่าตัวล่าง หรือค่าตัวหลัง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตรปรอท (mmHg)
โดยในการอ่านค่าความดัน เกณฑ์ความดันปกติและความดันสูงสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง อ้างอิงจากสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย ก็จะมีรายละเอียดดังนี้
เกณฑ์ความดัน | ค่าความดันตัวบน (mmHg) | เงื่อนไข | ค่าความดันตัวล่าง (mmHg) |
---|---|---|---|
ดี | < 120 | และ | < 80 |
ปกติ | 120-129 | และ/หรือ | 80-84 |
เริ่มสูง | 130-139 | และ/หรือ | 85-89 |
สูงระดับ 1 | 140-159 | และ/หรือ | 90-99 |
สูงระดับ 2 | 160-179 | และ/หรือ | 100-109 |
สูงระดับ 3 | ≥ 180 | และ/หรือ | ≥ 110 |
ทั้งนี้ ในการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง แพทย์จะใช้ผลวัดความดันโลหิตในสถานพยาบาลเป็นหลัก ซึ่งก็อาจมีการวัดซ้ำ หรือใช้ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย เพื่อให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น เนื่องจากผลวัดความดันโลหิตนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้จากปัจจัยต่างๆ
ความดันโลหิตสูงมีอาการอะไรบ้าง
แม้บางคนที่มีความดันโลหิตสูง จะมีอาการเฉียบพลันอย่างเช่น ปวดหัว เวียนหัว เลือดกำเดาไหล หายใจไม่เต็มอิ่ม ฯลฯ แต่ในคนส่วนใหญ่นั้นก็จะไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ การหมั่นตรวจวัดความดันอย่างสม่ำเสมอ จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเฝ้าระวังและรับมือกับโรคความดันโลหิตสูง ก่อนที่จะเกิดเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมา อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต เป็นต้น
โรคความดันโลหิตสูงเกิดจากสาเหตุอะไร
โรคความดันโลหิตสูงมีสาเหตุและกลไกการเกิดที่ซับซ้อน มักไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่ข้อมูลปัจจุบันก็ได้พบปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น
ปัจจัยเสี่ยงทั่วไป
- อายุมากกว่า 65 ปี
- มีญาติสายตรงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
- น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์
- ได้รับโซเดียมจากอาหารมากเกินควร
- รับประทานผักและผลไม้น้อย
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินควร
- ดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นมากเกินควร
- สูบบุหรี่
- นอนหลับไม่เพียงพอ
โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
- โรคเบาหวาน
- โรคไต
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์
ยาที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
- ยาคุมกำเนิด
- ยากลุ่มสเตียรอยด์
- ยาต้านอักเสบกลุ่ม NSAIDs
มีการประมาณการไว้ว่า ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเกิดจากโรคอื่นหรือการใช้ยา จะมีจำนวนเพียงแค่ 1 ใน 20 รายเท่านั้น ปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคความดันโลหิตสูง จึงมักจะเป็นปัจจัยในด้านการใช้ชีวิต ซึ่งก็ควรได้รับการดูแลปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
วิธีป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
วิธีป้องกันโรคความดันโลหิตสูงจะมีแนวทางดังนี้
- จำกัดอาหารและเครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูง อย่างเช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ผงปรุงรส ซอสปรุงรส อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารรสเค็ม อาหารรสจัด ฯลฯ
- รับประทานผักผลไม้รวมกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วน ซึ่งถ้าจะให้ดี ก็แนะนำให้แบ่งเป็นผักอย่างน้อยวันละ 3 ส่วน และผลไม้อย่างน้อยวันละ 2 ส่วน (1 ส่วน คือประมาณ 80 กรัม หรือ 1 จานรองกาแฟ)
- จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ แนะนำให้ดื่มไม่เกินวันละ 2 ดื่มมาตรฐาน สำหรับผู้ชาย และ 1 ดื่มมาตรฐาน สำหรับผู้หญิง (1 ดื่มมาตรฐาน ก็อย่างเช่น เบียร์ 355 มิลลิลิตร ไวน์ 148 มิลลิลิตร หรือเหล้า 44 มิลลิลิตร ซึ่งปริมาณเหล่านี้จะแปรผันตามความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม)
- จำกัดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯ แนะนำให้ได้รับคาเฟอีนไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม หรือเทียบเป็นกาแฟได้ประมาณ 4 แก้ว
- ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ โดยดูได้จากค่า BMI (หารน้ำหนักตัวด้วยส่วนสูงในหน่วยเมตร 2 ครั้ง) ซึ่งก็ควรน้อยกว่า 23 กิโลกรัม/เมตร2 ยกเว้นในผู้ที่มีกล้ามเนื้อเยอะ อย่างเช่น นักกีฬาหรือนักกล้าม ที่ไม่สามารถใช้เกณฑ์นี้ได้ เพราะน้ำหนักตัวของคนกลุ่มนี้จะมาจากกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่
- ออกกำลังกายประเภทแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งผู้ใหญ่ทั่วไปก็ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่นั้นมีสารพิษที่ส่งผลกระตุ้นหัวใจและสร้างความเสียหายแก่หลอดเลือด
การรักษาโรคความดันโลหิตสูง
การรักษาโรคความดันโลหิตสูง หลักๆ แล้วจะมีอยู่ 2 วิธี ซึ่งก็ได้แก่
- ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต
- ใช้ยาลดความดัน
โดยทั่วไปแล้ว หากความดันโลหิตไม่ได้สูงจนเกินไป และไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย แพทย์ก็มักจะรักษาโดยให้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เช่น ปรับการรับประทานอาหาร ออกกำลังกายมากขึ้น เลิกบุหรี่ ฯลฯ
แต่ถ้าความดันโลหิตอยู่ในระดับที่สูงมาก หรือมีปัจจัยเสี่ยงในด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย แพทย์ก็มักจะใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกัน เพื่อให้การรักษานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรักษาโรคความดันโลหิตสูงในทัศนะการแพทย์จีน
การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมและปรับสมดุลร่างกาย ผ่านตำรับยาที่สกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติหลายชนิด เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความดันโลหิตสูงที่ต้นเหตุ ซึ่งก็จะมีหลักการทำงานดังนี้
- ทำความสะอาดหลอดเลือด สลายลิ่มเลือดและไขมัน ทำให้หลอดเลือดโล่งสะอาด จึงช่วยป้องกันและบำบัดโรคที่พบบ่อยในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ
- บำรุงไต ให้หยิน-หยางในไตเกิดความสมดุล ไตจึงสามารถส่งหยินไปหล่อเลี้ยงตับได้อย่างเพียงพอ ช่วยป้องกันไม่ให้ตับร้อนรุ่มจนเกินไป ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของความดันสูง เมื่อตับอยู่ในสภาวะสมดุลก็จะมีการสร้างคอเลสเตอรอลในปริมาณที่เหมาะสม และในขณะเดียวกันเมื่อไตแข็งแรงขึ้น พลังชี่ที่เป็นแรงผลักดันของเลือดก็จะสมบูรณ์ขึ้น ระบบการไหลเวียนของเลือดจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านที่สนใจดูแลความดันและสุขภาพหลอดเลือดตามทัศนะการแพทย์จีน ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์แผนจีนและผู้เชี่ยวชาญได้ที่ไอดีไลน์ @enwei
จบแล้วกับข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ทั้งเกณฑ์ การตรวจวัด สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และวิธีรักษา ทางเอินเวย์หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะคะ
เอินเวย์ ศูนย์รวมยาสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศจีน ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกธรรมชาติในการดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์จีน เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดี