หน้าแรก  »  บทความสุขภาพ  »  ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางดื่มชาและกาแฟได้ไหม

ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางดื่มชาและกาแฟได้ไหม

ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางดื่มชาและกาแฟได้ไหม

ด้วยความที่ชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หลายๆ คนที่มีภาวะโลหิตจางก็อาจจะสงสัยว่าตนสามารถดื่มได้ไหม ดื่มแล้วจะมีผลเสียอะไรหรือไม่ เพื่อช่วยคลายข้อสงสัยเหล่านี้ ทางเอินเวย์ก็ขออาสามาให้ข้อมูลแบบชัดๆ ในบทความนี้เองค่ะ

ชาและกาแฟมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก

เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องใช้ธาตุเหล็กที่ได้รับจากอาหารในการสร้างเม็ดเลือดแดง การขาดธาตุเหล็กจึงถือเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของภาวะโลหิตจาง

ซึ่งในกรณีของชาและกาแฟนั้น ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้จะมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก ตัวอย่างเช่น

  • มีงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟหนึ่งแก้วพร้อมมื้ออาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์จะมีผลทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กลดลง 39% ในขณะที่ชาจะทำให้ดูดซึมได้ลดลง 64%
  • มีงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟหนึ่งแก้วพร้อมมื้ออาหารประเภทขนมปังจะมีผลทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กลดลง 60-90%
  • มีงานวิจัยในผู้สูงอายุที่พบว่า ทุกๆ กาแฟหนึ่งแก้วที่ดื่มเพิ่มขึ้นในแต่ละสัปดาห์จะมีความสัมพันธ์กับการมีระดับ Ferritin ในเลือดที่ลดลง 1% (Ferritin เป็นโปรตีนที่มีหน้าที่กักเก็บธาตุเหล็ก การมี Ferritin ต่ำจะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการมีธาตุเหล็กในร่างกายที่ลดลง)

นอกจากนี้แล้ว งานวิจัยปัจจุบันยังพบรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก ซึ่งก็ได้แก่

  • ฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กของชาและกาแฟนั้นจะเกิดจากสารประเภท Polyphenol เป็นหลัก ส่วนคาเฟอีนแม้จะมีฤทธิ์ยับยั้งเช่นกัน แต่ก็จะมีผลแค่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
  • ฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กของชาและกาแฟจะมีผลกับธาตุเหล็กในอาหารจากพืชเป็นหลัก ส่วนธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์นั้นจะได้รับผลแค่เพียงเล็กน้อย
  • การได้รับวิตามินซีพร้อมมื้ออาหาร จะช่วยลดผลกระทบจากชาและกาแฟที่มีต่อการดูดซึมธาตุเหล็กได้
  • นอกจากชาและกาแฟแล้ว แคลเซียมก็อาจมีผลรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กได้เช่นกัน

จากข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวมานี้ การดื่มชาและกาแฟจึงอาจมีผลเสียต่อผู้ที่มีภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็กได้

ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจำเป็นต้องงดชาและกาแฟไหม

จริงอยู่ที่ชาและกาแฟจะมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก แต่หากดื่มให้ห่างจากมื้ออาหาร (แนะนำอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง) ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กจึงสามารถเลือกที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มแทนการงดโดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ในคนทั่วไปที่ไม่ได้มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กและไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยง ฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กของชาและกาแฟนั้นก็ไม่ได้เป็นประเด็นที่ต้องกังวลแต่อย่างใด (กลุ่มเสี่ยงก็อย่างเช่น ผู้หญิงวัยมีประจำเดือน เด็กเล็ก ผู้ที่เป็นมังสวิรัติหรือกินเนื้อสัตว์น้อย ผู้ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น)

YouTube player

เคล็ดลับการกินให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ

โดยสรุปแล้ว ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กก็จะสามารถดูแลอาหารการกินของตนให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอได้ดังนี้

  • เลี่ยงการดื่มชาและกาแฟพร้อมมื้ออาหาร ควรดื่มห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
  • เลี่ยงการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงพร้อมมื้ออาหาร
  • เน้นกินอาหารที่เป็นแหล่งของธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์
  • เน้นกินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินซีพร้อมมื้ออาหารเพิ่มขึ้น
  • กรณีที่กินยาเสริมธาตุเหล็ก ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และหมั่นพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด (การได้รับธาตุเหล็กเกินจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย การกินยาเสริมธาตุเหล็กจึงควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์)

จบแล้วกับประเด็นคำถามที่ว่า ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางดื่มชาและกาแฟได้ไหม พร้อมด้วยข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทางเอินเวย์หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะคะ

เอินเวย์ ศูนย์รวมยาสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศจีน ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกธรรมชาติในการดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์จีน เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดี

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

Collatin

Collatin

การไหลเวียนเลือด // ระบบภูมิคุ้มกัน

ปรึกษาแพทย์จีน
ปรึกษาแพทย์จีน
Scroll to Top