ลานหมด…หมดลาน ถ้าเป็นตุ๊กตาไขลานก็แค่หมุนลานใหม่ ตุ๊กตาตัวนั้นก็สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ แต่ถ้าแรงหมด…หมดแรงในคน ทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้าตาอิดโรย ผมร่วง สมองล้า หลงลืมบ่อย เวียนศีรษะ ขาดสมาธิ และหาวนอนบ่อย ฯลฯ เราจะ “ไขลานร่างกาย” อย่างไรให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างแข็งแรง
ภาวะกึ่งแข็งแรงคืออะไร
ในสังคมปัจจุบัน หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้คนสูงขึ้น แทบทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เผชิญกับความเครียด และทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงาน จนทำให้หลายๆ คนมองข้ามสัญญาณ “ลานหมด” ของร่างกาย ที่เตือนเราว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว ยิ่งผลการตรวจด้วยเครื่องมือแพทย์ ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ยิ่งทำให้ละเลยไม่ใส่ใจ แท้ที่จริงแล้วร่างกายกำลังอยู่ใน “ภาวะกึ่งแข็งแรง” ทำให้ร่างกายอยู่บนเส้นแบ่งระหว่าง ความแข็งแรงกับความเจ็บป่วย จะว่าแข็งแรงก็ว่าไม่ เพราะมีอาการกวนใจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง จะว่าเจ็บป่วยก็ไม่เชิง เพราะยังทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ภาวะกึ่งแข็งแรงในมุมมองของทัศนะการแพทย์จีน
ในทัศนะการแพทย์จีนจัดภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า หรือภาวะกึ่งแข็งแรง ให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจาก การพร่องลงของพลังชี่และเลือดภายในร่างกาย หรือเรียกกันว่า ชี่พร่องและเลือดพร่องนั่นเอง ชี่และเลือดเป็นวัตถุพื้นฐาน แต่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิต หากเปรียบเทียบร่างกายคนเราเป็นต้นไม้ ตับไตคือราก ชี่คือแสงแดด และเลือดคือน้ำ ซึ่งจะต้องมีความสมบูรณ์ทั้งหมด ต้นไม้จึงจะเติบใหญ่งดงามได้
พลังชี่และเลือดสำคัญอย่างไร
หากชี่และเลือดในร่างกายมีความสมดุลเพียงพอ การทำงานของอวัยวะต่างๆ ก็จะแข็งแรง สมดุล คึกคัก มีเรี่ยวแรง มีความอบอุ่น สดชื่น มีชีวิตชีวา ใบหน้ามีสีเลือดฝาด ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เส้นผมแข็งแรงเป็นเงางาม ริมฝีปากมีสีชมพูระเรื่อ นึกคิดฉับไว คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง เปรียบเสมือนเป็นการ “ไขลาน” สุขภาพร่างกาย ให้กลับมาอยู่ในสภาวะแข็งแรงอย่างยั่งยืนต่อไป
การแพทย์จีนมีวิธีบำบัดอย่างไร
การแพทย์จีนนิยมใช้ยาสมุนไพรจีน สูตรเฉพาะที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัด เช่น อือเจียว ซึ่งถูกยกย่องเป็นราชาสมุนไพรบำรุงเลือด และโสมคนซึ่งเป็นสุดยอดสมุนไพรบำรุงพลังชี่ มาเป็นสมุนไพรตัวหลักเพื่อบำรุงเลือดและพลังชี่ไปพร้อมๆ กัน เมื่อพลังชี่และเลือดสมบูรณ์แล้ว อาการต่างๆ ของภาวะกึ่งแข็งแรง ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไปในที่สุด
