หายจากโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้วก็ยังอาจไม่จบ เพราะยังมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิด (Long COVID) ต่อได้อีก สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าลองโควิดคืออะไร มีอาการอะไรบ้าง แล้วมีวิธีรักษาอย่างไร ในบทความนี้ ทางเอินเวย์ก็ได้นำข้อมูลมาให้ดูกันแบบง่ายๆ แล้ว
ลองโควิดคืออะไร
ลองโควิด คือกลุ่มอาการที่เป็นต่อเนื่องหรือเกิดใหม่ หลัง 4 สัปดาห์นับจากที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะเป็นแค่ในบางคน เนื่องจากหลายคน เมื่อหายจากโควิด-19 แล้ว อาการต่างๆ ก็จะดีขึ้นจนเป็นปกติภายในไม่กี่สัปดาห์ ตัวอย่างอาการลองโควิดก็อย่างเช่น อ่อนเพลีย หายใจไม่เต็มอิ่ม ไม่มีสมาธิ ปวดเมื่อยตัว สูญเสียการได้กลิ่น ฯลฯ
อาการและระยะเวลาที่เป็นลองโควิดนั้นจะต่างกันไปสำหรับแต่ละคน บางคนอาจเป็นแค่หลักสัปดาห์ บางคนก็เป็นหลายเดือนหรือนานกว่านั้น ซึ่งในบางคน อาการลองโควิดก็ยังสามารถมีช่วงดีแย่เปลี่ยนแปลงไปมาได้ด้วย
ลองโควิดโอไมครอนเกิดกับใครได้บ้าง
ใครก็ตามที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งโอไมครอนและสายพันธุ์อื่น จะมีโอกาสเป็นลองโควิดได้ทุกคน รวมถึงคนที่ไม่มีอาการเลยด้วย ซึ่งความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อมีปัจจัยเหล่านี้
- มีอาการหนักตอนเป็นโควิด-19
- ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19
- เป็นผู้สูงอายุ
- เป็นเพศหญิง
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหอบหืด
ลองโควิดโอไมครอนมีโอกาสเกิดมากน้อยเพียงใด
มีงานวิจัยหลายชิ้นได้ทำการศึกษาโอกาสเกิดภาวะลองโควิด ซึ่งก็พบที่ตั้งแต่ประมาณ 5-83% สาเหตุที่ข้อมูลมีความต่างกันมาก ส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากเกณฑ์วินิจฉัย และวิธีเก็บข้อมูลที่ต่างกันในงานวิจัยแต่ละชิ้น เนื่องด้วยความเข้าใจในภาวะลองโควิดที่ยังจำกัด และยังเปลี่ยนแปลงได้อยู่เรื่อยๆ
สำหรับข้อมูลแบบเจาะจงสายพันธุ์ มีงานวิจัยในประเทศอังกฤษที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ได้ทำการศึกษาโอกาสเกิดภาวะลองโควิดในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว เปรียบเทียบระหว่างสายพันธุ์โอไมครอนและเดลต้า ซึ่งก็พบว่าผู้ติดเชื้อโอไมครอนจะมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดน้อยกว่าเดลต้า (4.5% เทียบกับ 10.8%) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอไมครอนสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดลต้ามาก เมื่อเทียบกัน จำนวนผู้ที่เป็นลองโควิดจากโอไมครอน จึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้มากและรวดเร็วกว่า
อาการลองโควิดโอไมครอน
ข้อมูลอาการลองโควิดส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลรวมหลายสายพันธุ์ ไม่ได้แยกเฉพาะโอไมครอน เนื่องด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ความใหม่ของโรค การขาดข้อมูลสายพันธุ์ในบางเคส ฯลฯ ซึ่งในภาพรวมนั้น ภาวะลองโควิดจะมีอาการที่หลากหลายมาก ถ้านับรวมทั้งหมดก็จะมีมากกว่า 200 อาการ อ้างอิงจากกรมควบคุมโรค
สำหรับอาการลองโควิดที่พบได้บ่อยที่สุด 4 อันดับแรก อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 16 กันยายน 2022 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของประเทศอังกฤษ ก็จะมีดังนี้
- อ่อนเพลีย (62%)
- หายใจไม่เต็มอิ่ม (37%)
- ไม่มีสมาธิ (33%)
- ปวดเมื่อย (31%)
ส่วนอาการอื่นๆ ของภาวะลองโควิดนั้น ก็อย่างเช่น
- มีไข้
- ไอ
- เจ็บหน้าอก
- ใจสั่น
- สมองล้า
- ปวดหัว
- เวียนศีรษะเมื่อลุกขึ้น
- มีปัญหาการนอนหลับ
- ซึมเศร้า
- วิตกกังวล
- ท้องเสีย
- ปวดท้อง
- ผื่นขึ้น
วิธีรักษาลองโควิดโอไมครอน
ในคนส่วนใหญ่ ภาวะลองโควิดจะสามารถหายได้ แต่ระยะเวลาก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่ต้นเหตุ จะมีก็แต่การดูแลตามอาการ เพื่อช่วยบรรเทาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น
ในทางการแพทย์จีน ภาวะลองโควิดจะเกิดจาก เจิ้งชี่ (正气) พลังลมปราณที่เป็นภูมิคุ้มกันหรือเกราะป้องกันของร่างกาย รวมถึงเลือดหยิน-หยางในร่างกายยังคงเสียสมดุล ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งจะกระทบได้ทั้งระบบทางเดินหายใจ และระบบอื่นๆ อย่างเช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท และฮอร์โมน ซึ่งการป้องกันและฟื้นฟูภาวะลองโควิด ในทางการแพทย์จีน ก็จะมุ่งเน้นไปที่แนวทางต่างๆ ดังนี้
- ฟื้นฟูซ่อมแซมระบบทางเดินหายใจ บำรุงปอด ฟื้นฟูเซลล์ปอด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด (養肺健肺)
- ปรับสมดุลการไหลเวียนของเลือดและพลังลมปราณ (活血通絡)
- บำรุงม้ามซึ่งเป็นแหล่งสร้างพลังลมปราณ ที่เป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกาย (扶助正气)
- เสริมสร้างพลังลมปราณของไต ปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน (補腎益氣)
- ปรับคุณภาพ ปริมาณ สารอาหาร และสารจำเป็นของเลือดให้สมบูรณ์ (補血養血)
- ระบายพลังลมปราณของตับเพื่อให้อารมณ์ผ่อนคลาย ลดความเครียด วิตกกังวล ช่วยให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ดี (疏肝解郁)
กล่าวโดยสรุปก็คือ การแพทย์จีนและสมุนไพรจีน จะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง ให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยขจัดและบำบัดอาการต่างๆ ที่เกิดจากภาวะลองโควิดให้หมดไป ทั้งนี้ การบำรุงเจิ้งชี่ (正气) บำรุงเลือด-ลมปราณ นอกจากจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงแล้ว ก็ยังมีประสิทธิภาพในการดูแลร่างกายเชิงบูรณาการไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย (正气存内 邪不可)
เอินเวย์ ศูนย์รวมยาสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศจีน ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี ขอเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ให้สามารถก้าวผ่านไปได้อย่างปลอดภัยด้วยกันทุกคน